เคล็ดลับอ่านเร็ว

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารล้นทะลัก มากมายก่ายกองขนาดนี้ แต่เวลาเรามีเท่าเดิม จะดีไหมถ้าเราสามารถอ่านได้เร็วขึ้น แต่มีผลงานวิจัยหลายชิ้นทั้งในไทยและต่างประเทศอ้างว่า การอ่านเร็วทำให้สมาธิดีขึ้น, ความจำดีขึ้น คิดได้รวดเร็วและตัดสินใจแม่นยำ, เพิ่มความสามารถในการมองเห็น และการรับรู้ให้รวดเร็วยิงขึ้น สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ speedreadingthai

 

ประโยชน์มากมายขนาดนี้ เรามาเรียนรู้เคล็ดลับอ่านเร็วกันดีกว่า

ทดสอบความเร็วในการอ่าน

ก่อนที่จะเรียนรู้เคล็ดลับอ่านเร็ว ขั้นแรกเราก็ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าเรานั้นมีความสามารถในการอ่านเร็วแค่ไหน สามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ผมแนะนำจะเป็นวิธีง่ายๆ คือ

1. หาหนังสือขนาดปกติตามร้านหนังสือ


2. ใช้นาฬิกาปลุกตั้งเวลาไว้ 2 นาที


3. ลงมืออ่าน


4. หยุดอ่านเมื่อหมดเวลา แล้วนับจำนวนบรรทัดที่อ่านได้ คูณด้วย 20 แล้วจึงหาร 2 (ถ้าใช้เวลาอื่นที่ไม่ใช่ 2 นาทีก็เปลี่ยนตัวเลขนี้เป็นนาที)


5. คุณจะได้ความเร็วในการอ่าน = …………… คำ/นาที

 

ตั้งสมาธิ

กำจัดสิ่งรบกวนทั้งหลายเพื่อมีสมาธิกับการอ่านให้มากที่สุด เช่นปิดเสียงมือถือ, อยู่ในมุมที่เหมาะกับการอ่าน, พยายามรักษาสมาธิอยู่กับการอ่าน หนังสือบางเล่มบอกว่าการมองยังภาพ mandala ด้านล่าง สัก 1-2 นาที ก่อนอ่านหนังสือ จะช่วยเพิ่มสมาธิมากขึ้น

เลือกความเร็วให้เหมาะสมกับการอ่าน

เราไม่ต้องอ่านเร็วไปเสียหมด เรากำหนดความเร็วได้ แล้วแต่ว่าเราจะอ่านอะไร ต้องการความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน

ถ้าหากคุณกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ คงไม่ต้องอ่านทุกกระเบียดนิ้ว เราสามารถอ่านเร็ว อ่านผ่านๆ เพื่อให้ได้เนื้อหาโดยรวมก็เพียงพอแล้่ว

หากคุณอ่านหนังสือทางวิชาการ หรือนิยายที่ซาบซึ้งกินใจ ก็สามารถอ่านให้ช้าง เพื่อเข้าใจเนื้อหา ซึมซาบความสนทรีย์แห่งภาษาได้ โดยไม่ต้องเร่งรีบ

ห้ามอ่านออกเสียง

เมื่อตอนยังเล็กเราทุกคนถูกฝึกให้อ่านออกเสียง หลังจากนั้นเราก็อ่านออกเสียงทั้งที่เป็นการเปล่งเสียงออกมาจริงๆ หรือการอ่านออกเสียงในใจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราอ่านได้ช้าก็เพราะเราอ่านออกเสียงในใจ ทำให้ความเร็วในการอ่านของเราสูงสุดอยู่ที่ความสามารถในการอ่านออกเสียงเท่านั้น มันอาจจะดูแปลกและยากสักหน่อย แต่หากคุณสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการอ่านนี้ได้ ความเร็วในการอ่านของคุณจะเพิ่มขึ้นได้มาก

ใช้มือหรือเครื่องช่วยชี้จุดอ่าน

เมื่อเราใช้มือหรือเครื่องช่วยชี้ จะช่วยให้สายตาของเรานั้นโฟกัสอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งได้รวดเร็วขึ้น ทำให้ความเร็วในการอ่านของเรามากขึ้น

อ่านไปข้างหน้าเท่านั้น ห้ามอ่านซ้ำ

หลายครั้งเราเสียเวลาจำนวนมากไปกับการอ่านซ้ำไปซ้ำมา ในตำแหน่งเดิมๆ หรืออ่านซ้ำบรรทัดที่อ่านมาแล้ว แม้เทคนิคนี้จะดูง่ายๆ แต่ช่วยให้ความเร็วในการอ่านเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

พยายามอ่านโดยไม่ต้องส่ายหน้าไปมา

การวางตำแหน่งหน้าให้อยู่ในตำแหน่งที่พอดี ทำให้เราสามารถกวาดสายตาไปยังเนื้อหาที่เราจะอ่านได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องส่ายหน้าไปมา เพียงแค่เรากรอกตาไปซ้ายขวาเท่านั้น นอกจากจะทำให้เราอ่านเร็วแล้ว สมาธิยังดูสงบนิ่ง อยู่กับตัว ช่วยให้อ่านรู้เรื่องมากขึ้น

เปิดหนังสือดูคร่าวๆก่อนอ่านจริง

ใช้เวลาเพียง 1-2 วินาทีในการดูหนังสือคร่าวๆ ตั้งแต่ปกหน้า ถึงปกหลัง จะทำให้เราสามารถเห็นเนื้อหาโดยรวม การจัดวางเนื้อหา และแก่นของหนังสือที่เราต้องการ ทั้งนี้ยังทำให้สมองได้เห็นแผนที่คร่าวๆทั้งหมดของหนังสือ ทำให้เราอ่านได้เร็วขึ้นเมื่อลงมืออ่านจริง

อ่านเป็นช่วงๆ

เทคนิคนี้ต้องใช้เวลาในการฝึกพอสมควร แทนที่เราจะอ่านที่ละตัวๆ เราจะเริ่มมองให้กว้างขึ้น แล้วอ่านที่ละช่วง ช่วงละหลายๆคำ ทำให้เราใช้สายตาในการหยุดมองน้อยลง การอ่านก็จะยิ่งเร็วขึ้น

ภาพจาก learners.in.th

เทคนิคการอ่านกลางบรรทัดในแนวดิ่ง

เนื่องจากดวงตาของเรานั้นมีเซลล์ที่จอรับภาพอยู่  2 แบบคือ

1. 
   
   เซลล์รูปกรวยที่ใช้เพื่อมองตรงไปข้างหน้า 5%


2. 
   
   เซลล์รูแท่งที่ใช้เพื่อการมองรอบข้าง 95%

ดังนั้นเราจึงสามารถมองรอบข้างได้มากกว่าตรงกลาง แต่ในการอ่านเรากลับใช้เซลล์เฉพาะส่วนกลางเพียงแค่ 5% หากเราสามารถอ่านโดยใช้เซลล์ที่เหลือได้การอ่านของเราจะยิ่งเร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนด้วย

วิธีการฝึกง่ายๆสำหรับเทคนิคนี้ก็คือ… การอ่านนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ เพราะเนื้อหาแบ่งเป็นหลายคอลัมน์ ทำให้เราสามารถอ่านทั้งบรรทัดได้ง่ายขึ้น (อ่านในแนวดิ่ง ใช้สายตามองเพียงแค่ตรงกลางของคอลัมน์)

ฝึกการอ่านเร็วอย่างต่อเนื่อง
ฝึกฝนการอ่านทุกวัน เพื่อเพิ่มความเร็วในการอ่าน เราอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะทำให้ความเร็วในการอ่านของเราเพิ่มขึ้น แต่หากเราฝึกฝนทุกวัน พยายามที่จะพลักดันตนเองออกจากสิ่งที่เราคุ้นชิน แน่นอนว่าความเร็วในการอ่านของเราย่อมเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

พักสายตาระหว่างการอ่าน
สมาธิของเรานั่นไม่สามารถตั้งอยู่ได้ยาวนานนัก เวลาเฉลี่ยแลเวอยู่ที่ 20-30 นาท ีดังนั้นเราจึงควรพักเบรคสัก 5 นาที เพื่อพักผ่อนสายตา เดินยืดเส้นยืดส่าย ทำให้อ่านได้นานขึ้น มีสมาธิมากขึ้น เพิ่มศักยภาพทางความจำมากขึ้น

มีจุดมุ่งหมายในการอ่าน
ตั้งคำถามก่อนลงมืออ่าน จะทำให้เรามีจุดมุ่งหมายในการอ่าน ทำให้เราสามารถละสิ่งที่เราไม่ต้องการออกจากจุดมุ่งหมายหลัของเราได้ เราจึงมีสมาธิในการอ่านมากขึ่น เข้าถึงสิ่งที่เราต้องหารง่ายขึ้น เมื่อได้คำตอบ รับรู้ถึงสิ่งที่ต้องการแล้ว เราก็หยุดอ่าน เอาเวลาไปทำสิ่งอื่น หรืออ่านเรื่องอื่นได้

เนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ เคล็ดลับอ่านเร็ว , wikihow

feature image: Flickr

กินผลไม้อย่างถูกวิธี

ไทยเรามีผลไม้มากมายหลากหลายชนิด มีผลไม้ให้กินได้ทั้งปี ราคาก็ถูก อย่างนี้ต้องเรียกว่าสรวงสวรรค์แห่งผลไม้เลยก็ว่าได้ ในเมื่อเรามีของดีอย่างนี้อยู่ใกล้ตัว นอกจากนี้แล้ว จากหนังสือ Fit for life ยังได้เสนอแนวคิดจากการศึกษาที่ค้นพบว่า มนุษย์เรานั้นเดิมแล้วเป็นสัตว์ที่กินผลไม้เป็นอาหาร ทำไมเราไม่หันมากินผลไม้กันให้มากขึ้นหล่ะ

 

ประโยชน์ของผลไม้

ผลไม้ส่วนใหญ่มีน้ำประกอบอยู่ด้วยในปริมาณ 80-90% มีกากใย ช่วยล้างพิษต่างๆ ไม่ใช่แค่นั้น ผลไม้แต่ละชนิดก็มีประโยชน์แตกต่างกัน

มะละกอ ลำต้นจะมี ยาง ช่วยกัดแผล รักษาตาปลา หูด ได้ ส่วนผลที่สุกก็มีวิตามินเอสูง ซึ่งจะบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี ยังมีวิตามินซี และแคลเซี่ยมป้องกันโรคกระดูกผุอีกด้วย
มังคุด ที่เปลือกของมังคุดจะมีสาร tannin ซึ่งจะช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตขอhjubhงเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย
สับปะรด สามารถรักษาที่เป็นหนองได้ วิธีการรักษาคือนำเอาผลที่สดๆ มาคั้นเอาแต่น้ำแล้วนำมา ชโลมแผลที่เป็นหนอง เอนไซม์จะช่วยย่อยกัดเนื้อเยื่อ และหนองให้หลุดออกทำให้แผลที่เป็นหนองหายได้ ถ้าหากนำน้ำสับปะรด ที่คั้นแล้วประมาณหนึ่งแก้ว ไปผสมกับน้ำสุกอีกหนึ่งแก้วเติมเกลืออีกเล็กน้อย แล้วดื่มก็จะสามารถใช้แก้ท้องผูกได้ด้วย
แอปเปิล มีสารสำคัญ คือ บีตา-แคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ "เพคติน" .."เพคติน" นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอล เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง ทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรือ อ่อนเพลีย แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ เพราะแอปเปิ้ลมีเพคติน ซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ผลจากการวิจัยชี้ว่า เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมัน และแยกโคเลส-เตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้ว เพคตินจากแอป-เปิ้ลจะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้น และพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกาย
บีทรูท ลดความดันโลหิต ฟอกไต ช่วยขับปัสสาวะ
เสาวรส ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค และป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินสูงช่วยบำรุงสายตา ทำให้ร่างกาย แข็งแรง บำรุงกระดูก เพราะมีแคลเซียมสูง
แครอท อุดมไปด้วยวิตามินเอ และเกลือแร่ วิตามินเอเอาไว้ใช้ ช่วยบำรุง สายตา บำรุงผิวและเนื้อเยื่อ ช่วยยับยั้งความเสื่อมของ อวัยวะสำคัญของร่างกาย มีความเชื่อว่า แครอทช่วยรักษาโรคมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงจากโรค เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤษ์ อัมพาต ความดันโลหิตสูง ต้อกระจก และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน เร่งการสร้างเซลล์ในแผลผ่าติด นอกจากนี้ ยังอุดมด้วยวิตามินบี วิตามินซี และแคลเซียมที่ดูด ซึมง่าย มีแพคติน ซึ่งเป็นไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้ ช่วยลดโคเลสเตอรอล วิตามินและเกลือแร่ที่มีอยู่ มีบทบาทสำคัญ ในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค
สตรอเบอรี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ มีวิตามินซี แมกนีเซียม โปเทสเซียมสูง ช่วยเพิ่มช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยต้านอนุมูลอสิระ ป้องกันโรคต่างๆ ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า
มะเขือเทศ อุดมด้วยวิตามินซี และอี มีสารไลโคทีน ช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด
แตงกวาญี่ปุ่น มีวิตามินซีและเคสูง
มะตูม ผลมะตูมอ่อน บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และช่วยขับและผายลม ผลมะตูมสุก รสหวาด แก้ลม แก้เสมหะ แก้มูกเลือด บำรุงไฟธาตุ แก้กระหายน้ำ ขับลม
ตะลิงปลิง รสเปรี้ยวจัด ช่วยเจริญอาหาร เลือดออกตามไรฟัน มีวิตามินซีสูง
ฝรั่ง ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ชะลอการลุกลามของมะเร็ง ช่วยทำให้แผลหายเร็ว ช่วยกระตุ้น การทำงานของเม็ดเลือดขาว และสร้างภูมิคุ้มกัน จึงสามารถป้องกันการเป็นหวัดได้
มะขาม มีวิตามินเอและซี นอกจากนั้น ยังมีวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเกลือแร่ชนิดต่างๆ ช่วยแก้อาการท้องผูก เป็นยาระบายแก้ไอขับเสมหะ

จาก wikipedia

 



Flickr

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินผลไม้เป็นอย่างมาก เพราะมันช่วยเรื่องระบบขับถ่ายเป็นอย่างดี โดยไม่ต้องใช้กาแฟเป็นตัวช่วย

แต่พอกินไปกินมาก็ชักจะสงสัย ว่าจริงๆแล้ว ที่หลักในการกินผลไม้ของผมมันถูกต้องหรือไม่ ไหนๆก็จะกินแล้วก็ขอให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการกินสักหน่อยก็แล้วกัน

 

กินผลไม้ตอนท้องว่าง...ได้ประโยชน์สูงสุด

ไดมอนด์เสนอแนว ความคิดว่าน้ำและกากใยในผลไม้ช่วยในการขับถ่าย ของเสียออกจากร่างกาย จึงช่วยลดน้ำหนักได้ และร่างกาย จะใช้ประโยชน์จากผลไม้สูงสุดต่อเมื่อคนนั้นต้องกินผลไม้ อย่างถูกวิธี คือการกินผลไม้ขณะที่ท้องว่าง ไม่ควรกินผลไม้ พร้อมกับหรือหลังอาหารอื่นๆ หรือหากกินผลไม้แล้วจะกินอาหาร อื่นตาม ก็ควรรอเวลาอย่างน้อย 20-30 นาทีเพื่อให้ผลไม้ที่กินเข้าไป ตกสู่ลำไส้เล็กและดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ การห้ามกินผลไม้หลังอาหารนั้นเพราะเมื่ออาหารตกถึงกระเพาะจะใช้เวลา ย่อยประมาณ 4 ชั่วโมง หากกินผลไม้ตามลงไปแทนที่จะผ่านไปยังลำไส้เล็ก ได้เลยก็จะต้องถูกขัดขวางจากอาหารที่รอการย่อยเหล่านั้น ระหว่างนี้ทั้งอาหาร และผลไม้ที่ผสมกันในกระเพาะจึงอาจทำให้เกิดการหมักบูด เกิดแก๊ส ซึ่งมีผลให้ เกิดอาการแน่น จุก หรือไม่สบายท้องได้ ทั้งนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ ดร.เฮอร์เบิร์ต เอ็ม. เชลตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการของสหรัฐฯ ที่เน้นว่าคุณค่าของผลไม้ จะให้ประโยชน์กับเราเต็มที่เมื่อกินขณะท้องว่าง แต่หากใครที่กิน ผลไม้ไม่ถูกวิธี แต่ไม่รู้สึกแย่อะไร ก็แสดงว่าร่างกายคุณปรับตัวได้ดี แต่ก็น่าเสียดายที่จะไม่ได้รับคุณค่าของผลไม้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น

ดังนั้นหากใครที่กินอาหาร แล้วต้องการกินผลไม้ตาม ควรรอเวลาให้อาหารที่กินเข้าไปก่อนหน้า นั้นย่อยหมดก่อน แล้วจึงค่อยกินผลไม้ หากเป็นอาหารเบาๆ เช่น สลัดผักสด ใช้เวลารอประมาณ 2 ชั่วโมง หรือหากคุณเพิ่งกินอาหารหนักอย่างเช่น ข้าว หรือเนื้อสัตว์ ที่ใช้เวลาย่อยนานขึ้น ก็อาจต้องรออย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือกินอาหารหลายๆ อย่างรวมกัน มีกากใยน้อย ย่อยยากขึ้น ก็อาจใช้เวลามากถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งไม่แนะนำให้กินผลไม้ตามไปในช่วงเวลานั้นเลย

ตามแนวคิดนี้ เวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่ควรจะกินผลไม้หรือดื่มน้ำผลไม้ คือ ช่วงเช้าของทุกวัน ตั้งแต่ตอนตื่น จนถึงเที่ยง เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสะสมพลังงานไว้เต็มเปี่ยมตลอดคืน ดังนั้นเวลาตื่นจะเป็นช่วงที่ร่างกายสดชื่นที่สุด จึงไม่ควรจะสูญเสียพลังงานที่มีค่า ของวันนี้ไปเปล่าๆ กับการย่อยอาหารนานๆ แต่การกินผลไม้ที่ใช้พลังงานในการย่อย ต่ำจะช่วยให้เรามีพลังงานเหลือเฟือไว้ใช้ประโยชน์กับกิจกรรมอื่นๆ ของชีวิต และดูดซึมสารอาหารที่ควรจะได้รับอย่างเต็มที่ รวมทั้งได้กากใยช่วยชับของเสียที่ สะสมมาจากวันก่อน ทั้งมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลง โดยที่ในช่วงเวลาดังกล่าวเรา สามารถกินผลไม้ได้มากเท่าที่อยากกิน และเว้นระยะประมาณสักครึ่งชั่วโมงจึงค่อย กินอาหารมื้อกลางวัน หากทำแบบนี้ได้เป็นประจำ ร่างกายเราก็จะได้รับสารอาหาร สำคัญจากผลไม้เต็มที่ ช่วยให้เราคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ดี มีอายุยืน สุขภาพดี กระชุ่มกระชวย อยู่เสมอ

จาก http://www.healthtoday.net

 

เพื่อประโยชน์สูงสุดในการกินผลไม้ หลักสำคัญที่สุดคือ ผลไม้ต้องสด สะอาด ไม่ผ่านความร้อน การหมักดอง หรือปรุงรสใดๆ และผลไม้บางชนิดก็มีข้อยกเว้นห้ามทานตอนท้องว่าง เช่น สับปะรดและมะละกอ เพราะผลไม้สองชนิดนี้มีเอ็นไซม์ที่ช่วยย่อย มีฤทธิ์เป็นกรด จึงไม่ควรทานตอนท้องว่าง

 

รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมมาทานผลไม้กันเยอะๆนะครับ

feature images from: Flickr

Flipboard- นิตยสารข่าวโซเชียลของคุณ

Flipboard คือแอพที่จะช่วยให้คุณได้อ่านข่าวและโซเชียลมีเดียในเวลาเดียวกัน ด้วยการออกแบบที่สวยงาม เพียงแค่คุณเลือกหัวข้อที่คุณสนใจ เพียงแค่นี้คุณก็ราวกับได้อ่านนิตยสารที่เต็มไปด้วยเนื้อหาต่างๆที่คุณชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นข่าวต่างๆ รูปเพื่อน เรื่องราวน่าสนใจ แบบพลิกอ่านเหมือนนิตยสารจริงๆ

คุณสมบัติเด่น

• รวมข่าวและโซเชียลต่างๆเข้าด้วยกันทำให้ง่ายต่อการอัพเดทข่าวสารที่คุณสนใจ


• สามารถค้นหาข้อมูลได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว


• สามารถเชื่อมต่อกับโซเฃียลเน็ตเวิร์คได้กว่า 12 ตัว และสามารถคอมเม้นท์ กดไลค์ แบ่งปัน ได้โดยตรงจากในแอพ ซึ่งได้แก่ ทวิตเตอร์, เฟสบุ๊ค, อินสตาแกรม, กูเกิ้ลพลัส, ยูทูป, ลิ้งค์อิน, Google REader, Flickr, 500px, Sina weibo และ Renren


• สร้างเรื่องราวแบบเดียวกับปกหน้านิตยสารแบบอัตโนมัติ


• สามารถเก็บสิ่งที่คุณอยากอ่านไว้ภายหลังกับบริการ Instapapaer, Pocker และ REadability


• มีระบบวิดเจ็ต


• สามารถเลือกภาษาของแอพได้ (ยังไม่มีไทย)


• สามารถสร้างบัญชี flipboard เพื่อนำเนื้อหาที่คุณชื่นชอบไปได้ทุกที่เพียงเข้าใช้งานบนเครื่องอื่น

สุขอยู่ที่ใด

หนึ่งในคำถามที่ค้างคาใจคนทั้งหลาย เหตุใดเราจึงไม่มีความสุขอย่างใจหวัง ในยุคที่มีเทคโนโลยีมากมาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ความเป็นอยู่ดีขึ้น มีการศึกษามากขึ้น เข้าใจธรรมาชาติ วิทยาศาสตร์หลากหลายแขนง แต่ดูเหมือนผู้คนก็ยังหาความสุขที่แท้จริงไม่เจอ ทำให้ผมสงสัย ว่าแท้จริงแล้วสุขอยู่ที่ใด สุขจากเงินได้ไหม เราสุขจากสิ่งต่างๆภายนอกหรือในภายในตัวตน และอีกหลากหลายคำถามในหัว

 

Flickr

นิยามแห่งความสุข

ความสุข หรือ สุข พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 นิยามว่า "น. ความสบายกายสบายใจ..." คือความรู้สึกหรืออารมณ์ประเภทหนึ่ง มีหลายระดับตั้งแต่ความสบายใจเล็กน้อยหรือความพอใจจนถึงความเพลิดเพลินหรือเต็มไปด้วยความสนุก มีการใช้แนวความคิดทางปรัชญา ศาสนา จิตวิทยา ชีววิทยาอธิบายความหมายของความสุข รวมถึงสิ่งที่ทำให้เกิดความสุข
แนวความคิดทางปรัชญาและศาสนามักจะกำหนดนิยามของความสุขในความหมายของการดำรงชีวิตที่ดี หรือชีวิตที่มีความเจริญ โดยไม่จำกัดความหมายว่าเป็นเพียงอารมณ์ประเภทหนึ่ง

Wikipedia

สำหรับแต่ละบุคคลแล้ว สุขย่อมต่างกัน สุขของคนหนึ่งอาจเป็นดั่งความทุกข์ของอีกคนก็เป็นได้ แถมยังมีระดับความสุขที่ต่างกัน สุขมาก สุขน้อย แม้แต่สุขที่ได้ทำให้ตนเองเป็นความทุกข์ก็มี ดังนั้น สุขของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน แล้วแต่เราจะนิยามมัน

ความสุขก็มักจะแบ่งออกได้หลายแง่มุมแล้วแต่มุมมองชีวิตของเรา ยกตัวอย่างเช่น ความสุข 8 ประการ ได้แก่ สุขภาพดี(Happy Body) , น้ำใจงาม(Happy Heart), การผ่อนคลาย(Happy Relax), หาความรู้(Happy Brain), การมีคุณธรรม หิริ โอตัปปะ(Happy Soul), ใช้เงินเป็น(Happy Money), ครอบครัวที่ดี(Happy Family), และ สังคมดี(Happy Society).

ส่วนกรมสุขภาพจิต แบ่งความสุขออกเป็น 5 แบบคือ สุขสนุก, สุขสบาย, สุขสง่า, สุขสงบ, และสุขสว่าง (ศูนย์ข้อมูลวิชาการ จากเดลินิวส์)

สุดแล้วแต่เราจะมีมุมมอง แบ่งความสุขของเราแยกย่อยออกได้แค่ไหน

 

สุขสร้างได้?

เชื่อหรือไม่ว่าเราสามารถสร้างความสุขเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งใดๆ

มีงานวิจัยพบว่า เราสามารถที่จะสร้างความสุขเองได้ เมื่อเราอยู่ในสภาวะที่ต้องถูกจำกัดทรัพยากร มีตัวเลือกอย่างจำกัด หรือต้องทนอยู่กับสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ โดยมีการทดลองหลากหลายรูปแบบ รูปแบบหนึ่งก็คือ ได้มีการจัดการเรียนการสอนการถ่ายภาพขาว-ดำ แบบใช้ฟิล์ม ให้นักศึกษาเลือกภาพที่ดีที่สุด 2 ภาพ โดยให้ภาพหนึ่งส่งไปเก็บเป็นหลักฐานในการศึกษา 1 รูป และนักศึกษาเก็บไว้เอง 1 รูป โดยแบ่งแบบเป็น 2 กลุ่มคือ

1. นักศึกษาสามารถสลับรูปภายหลังหากไม่พอใจรูปของตน


2. นักศึกษามีโอกาสตัดสินใจเลือกรูปได้เพียงครั้งเดียว (ไม่มีโอกาสเปลี่ยนรูปได้ภายหลัง)

หลังจากนั้นได้มีการสำรวจความสุขที่ได้จากรูป ของทั้งสองกลุ่มเทียบกันแล้ว กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่ไม่สามารถเปลี่ยนใจเลือกรูปอื่น มีความสุขมากกว่า กลุ่มแรก ที่มักจะมัวแต่คิดใคร่ครวญและรู้สึกไม่เป็นสุขกับรูปที่ตนตัดสินใจเลือกมาไว้กับตน

สามารถรับชมเรื่องราวทั้งหมดตามคลิปด้านล่าง



 

เงินซื้อความสุขได้ไหม?

มีข้อโต้แย้งกันอย่างมากเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเงินและความสุข มีเงินเยอะ แล้วจะมีความสุขมากขึ้นจริงหรือ?

มันก็ขึ้นอยู่กับบุคคล สำหรับคนที่ชอบเสี่ยงโชคแล้ว การได้รับเงินรางวัลใหญ่ๆ คงทำให้มีความสุขมาก แต่ส่วนใหญ่แล้วกลับตรงกันข้าม เงินรางวัลที่ได้กลับทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นแย่ลง จากการที่มีคนจำนวนมากเข้าหาคุณเพราะหวังในสิ่งที่เรียกว่าเงิน แถมเงินที่ได้มาอย่างง่ายดายแม้จะทำให้การใช้ชีวิตของคุณดีขึ้น แต่กลับมีผลเสียกับนิสัยทางการเงินที่มักจะใช้จ่ายโดยไม่คิดให้ดีเสียก่อน แนวเดียวกับของคนไทยก็คือ สามล้อถูกหวย เมื่อผ่านไปไม่กี่ปีเงินหมดก็ต้องกลับไปถีบสามล้อเหมือนเคย

แล้ว เงินซื้อความสุขไม่ได้เลยหรือ มีงานวิจัยหนึ่งได้ผลสรุปออกมาว่า เงินสามารถซื้อความสุขได้จริง

คนส่วนใหญ่คิดว่า เราสามารถใช้เงินซื้อวัตถุ ซื้อโอกาส ซื้อเวลา หรือซื้ออะไรก็แล้วแต่เพื่อตนเอง แล้วจะทำให้มีความสุข แต่เมื่อมีการวิจัยกันอย่างจริงจังกลับพบว่า หากเราเปลี่ยนการใช้เงินเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น แม้จะเป็นเงินเพียงเล็กน้อย แต่กลับทำให้ตนมีความสุขมากกว่าการนำเงินจำนวนเท่าๆกัน ซื้อสิ่งต่างๆให้ตนเอง

สามารถรับชมเรื่องราวทั้งหมดได้ในคลิปด้านล่าง



 

เหตุใดเราไม่สุข ในโลกที่มีเสรีภาพในการเลือกมากมายขนาดนี้?

คำตอบที่ง่ายมากสำหรับคำถามนี้ก็คือ…… เรามีเสรีภาพมากเกินไป มีตัวเลือกมากเกินไป

แล้วทำไมเราถึงไม่สุข หรือมีความสุขน้อยลงหล่ะ ในเมื่อเรามีทางให้เลือกมากขึ้น เหตุที่ทำให้เราไม่มีความสุขเท่าที่เคยก็เพราะยิ่งมีทางเลือกมากขึ้น ก็ยากที่จะตัดสินใจ ทำให้เราเสียเวลาไปกับการเลือกสิ่งต่างๆมากขึ้น จนบางครั้งทำให้เราสูญเสียประโยชน์ที่จะได้จากการตัดสินใจสิ่งหนึ่งสิ่งใด

อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราตัดสินใจสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปแล้ว เรากลับมีความสุขกับตัวเลือกนั้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะเรามัวแต่นำการตัดสินใจของเราไปเทียบว่า ทำไมเราถึงไม่เลือกตัวเลือกอื่น ตัวเลือกอื่นอาจจะดีกว่าที่เราตัดสินใจไปแล้ว

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้จากคลิปด้านล่าง



 

สมการแห่งความสุข ที่ทุกคนต่างพร่ำบอก มันจริงหรือ?

การเรียนเก่งๆ มีหน้าที่การงานดีๆทำ มีเงินเยอะๆ มีบ้าน มีรถ มีบ้าน มีชื่อเสียง เกียรติยศ แล้วจะทำให้เรามีความสุข จริงหรือ?

จริงๆมันก็คงขึ้นอยู่กับตัวบุคคล สุขหรือที่มีสิ่งเหล่านั้น หากว่ามีหญิงคนนึ่งกลับบอกว่า สิ่งเหล่านั้นหากนำไปสู่ความเครียด ทำให้เรากลับกลายเป็นคนหนึ่งที่ตนแทบไม่รู้จัก มันไม่ใช่สมการแห่งความสุขที่แท้จริง

(คลิปด้านล่าง) เรื่องราวของหญิงคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในชีวิตการทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ต้องกลับมาไตร่ตรองตน เพราะวันหนึ่งได้ยินเสียงของตน ที่ปลดปล่อยอารมณ์ด้วยการด่ากับพนักงานร้านขายนาฬิกาที่ทำผิดเพียงเล็กน้อย ติดการดื่มเหล้าเพียงเพราะอยากได้อารมณ์สนุกสนานในแบบที่สิ่งอื่นให้ไม่ได้ ในที่สุดต้องปรับตัวเอง ลาออกจากงานเพื่อมาค้นหาว่าเพราะอะไรจำทำให้ตนเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ทั้งทีมีแทบจะทุกอย่างที่คนในสังคมอยากมี จนในที่สุดก็มาพบกับธรรมะ ที่ช่วยขัดเกลาเธอได้



 

สุดท้ายแล้ว สุขอยู่ที่ใดกันแน่?

สุขอยู่ที่ใด บางคนอาจจะตอบว่า เอ็มเค…สุกกี้ อันนี้มันแค่การตลาด

จริงแล้วแล้วทุกคนก็น่าจะรู้คำตอบของคำถามนี้อยู่แล้ว ว่าสุขมันย่อมอยู่ที่ใจของเราเอง สภาพแวดล้อมภายนอกถึงจะมีส่วน แต่ก็เป็นส่วนที่หลายครั้งเราควบคุมมันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคนที่เรามองว่าน่าจะมีความสุขเพราะมีแทบจะทุกอย่างที่ทุกคนอยากมีอยากจะเป็น กลับฆ่าตัวตาย กลับหันเข้าหายาเสพติด

แล้วทำอย่างไรเราถึงจะสุขกว่าที่เป็นอยู่หล่ะ ผมมีวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้เราสุขขึ้นอย่างแน่นอน

• ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อโลก มองโลกในแง่ดี


• ทำใจให้สงบ รู้จักพอ


• ยิ้มให้กับโลก ยิ่มให้กับคนรอบตัว


• แบ่งปันสิ่งดีๆให้ผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลัง


• เลิกเปรียบเทียบกับผู้อื่น


• ดูแลสุขภาพร่างกาย เมื่อกายแข็งแรง ใจก็เป็นสุข


• คิดถึงเรื่องดีที่เกิดขึ้นในชีวิต


• ให้อภัยผู้อืน


• ให้เวลา ให้ความสำคัญกับคนคนที่อยู่รอบตัว เพื่อน ครอบครัว ญาติ

 

feature image from Flickr

10 ทักษะสำคัญโรงเรียนไม่ค่อยสอน

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งเรายังเป็นเด็ก ตอนเราเจอกับบทเรียนยากๆ ทุกๆวัน แทบทุกคนมักจะสงสัยว่า จะเรียนพวกนี้ไปเพื่ออะไร? มันได้ใช้ในชีวิตจริงสักแค่ไหน?

วันคืนผันผ่าน หลายคนเติบโตขึ้น จบการศึกษา แล้วลองมองย้อนกลับไปว่า เราเสียเวลาไปกับการเรียน แค่พื้นฐานก็ 12 ปี แต่จะให้ดีก็ต้องจบปริญญาตรี โท เอก ที่รวมๆแล้วเราใช้เวลาไปกว่า 20 ปี กับการเรียนในสถานศึกษา แต่ความรู้ที่เราได้นำมาใช้งานจริงแล้วนั้น มีอะไรบ้าง สำหรับตัวผมเอง ความรู้ที่ใช้ในการทำงานกลับเป็นสิ่งที่ไม่เคยเรียนในห้องเรียนเลยด้วยซ้ำ เพราะทำงานไม่ตรงกับสายที่เรียนมา

ครั้งนี้จึงขอเสนอ ทักษะสำคัญของชีวิต ที่สถาบันการศึกษาแต่ละที ควรสอนเด็กบ้าง อย่างน้อยก็ปูพื้นฐานเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในชีวิตภายภาคหน้าได้

 

ภาษากาย การเข้าสังคมกับผู้อื่น



Gettyimages

เราทุกคนต่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน คงไม่มีใครที่จะสามารถอยู่คนเดียวได้ ทักษะการเข้าสังคมกับผู้อื่นจึงสำคัญเป็นอย่างมาก การวางตัวในสถานการณ์ต่างๆ หากโรงเรียนสามารถสร้างคนเก่งได้ แต่กลับเข้ากับใครในสังคมไม่ได้เลย มันคงถือเป็นความล้มเหลวมิใช่น้อย

ภาษากาย (อวัจนภาษา) เป็นดังคำกล่าวที่ว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” การแสดงออกทางร่ายกายของเรามีความสัมพันธ์อย่างยิ่งยวดกับจิตใจ หากเราได้เรียนรู้ศาสตร์แห่งการสื่อความหมายของแต่ละภาษากาย เราจะสามารถเข้าถึงความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงของแต่ละบุคคล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงการควบคุมจิตใจของเราเอง เพียงการวางท่าทางใหม่ให้กับร่างกาย

 

การอ่านเร็ว



Gettyimages

การอ่านถือเป็นรากฐานสำคัญของการศึกษา และความสำเร็จในชีวิต ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารมีมากมายจนอ่านกันไม่ไหว การอ่านเร็วถือเป็นทักษะหนึ่งที่เราทุกคนควรมี โดยการอ่านเร็วนั้นช่วยในการลดเวลาแถมยังทำให้เข้าใจเนื้อหาได้มากขึ้นอีกด้วย โดยอาศัยการอ่านซ้ำในเวลาที่เท่ากันก็จะทำให้เข้าใจได้มากขึ้น แต่ใช่ว่าเราจะอ่านเร็วไปซะหมดทุกอย่าง หนังสือบางประเภทเราก็สามารถอ่านแบบธรรมดาเผื่อเข้าถึงความสุนทรีย์แห่งภาษาได้

 

การตั้งเป้าหมาย การจัดการเวลา



Gettyimages

การเดินทางที่ไร้ซึ่งจุดหมายปลายทางที่แน่นอน เราย่อมลังเลเมื่อถึงทางแยกของถนน การตั้งเป้าหมายชีวิตก็เช่นกัน หากเราไม่เคยตั้งเป้าหมายไว้แล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรไปทางไหนเมื่อถึงทางแยกของชีวิต ในขณะนี้เราเดินทางถึงจุดไหนแล้ว เราควรเดินไปทางไหนบ้าง คนที่ประสบความสำเร็จมักจะตั้งเป้าหมายชีวิตของตนเสมอ เพื่อโฟกัสไปยังสิ่งที่เขาต้องการ เพื่อพัฒนาตนเองในทุกทางเพื่อไปสู่ฝั่งฝัน เพื่อตัดสินใจอย่างทันทั่วที เด็ดขาด เมื่อเจอช่วงชีวิตที่ต้องเลือกเส้นทางเดิน การตั้งเป้าหมายชีวิตที่ดีต้องชัดเจน น่าจะทำได้จริง มีกรอบเวลาเส้นตายที่สมเหตุสมผล และประกาศเป้าหมายเหล่านั้นให้ผู้คนรอบกายรับรู้ เพื่อเป็นการบังคับตนเองให้ทำตามสิ่งที่บอกผู้อื่น

ไม่ว่ายากดีมีจนเราทุกคนต่างมีเวลาเพียง 24 ชม. ในหนึ่งวัน คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตย่อมเรียนรู้ที่จะจัดการกับเวลาอย่างเหมาะสม จัดสรรเวลาว่าสิ่งไหนควรทำก่อน ทำหลัง โดยมีเป้าหมายชีวิตเป็นที่ตั้ง

 

บัญชี ภาษี



Gettyimages

สำหรับคนทำงานไม่ว่าจะเป็นลูกน้องเขา หรือเป็นเจ้าของธุรกิจ แม้แต่นักลงทุน สิ่งสำคัญที่ต้องเจอทุกปีคือการเสียภาษีต่างๆ ให้กับรัฐบาล เพื่อพัฒนาประเทศชาติ แต่ถึงเวลายื่นทีไร เอ๋อทุกที ทำอะไรไม่ถูกต้องให้ผู้อื่นจัดการให้ ซึ่งตัวเราเองก็ไม่รู้ว่าถูกต้องมากน้อยสักแค่ไหน อยากปรับเปลี่ยนอะไรเองก็ลำบาก ดังนั้นหากเรามีความรู้ความเข้าใจด้านภาษีเบื้องต้น ย่อมทำให้เราประหยัดเวลา บางครั้งอาจประหยัดเงินจากการวางแผนภาษีอย่างถูกต้อง

เรื่องบัญชีก็เป็นอีกเรื่องที่เราแทบทุกคนควรให้ความสำคัญ เพื่อความมั่งคั่งในอนาคต เหมือนวลีฮิตติดหูที่บอกว่า “จดไม่จน” แคมเปนจ์หนึ่งของรัฐบาลที่เห็นตามสื่ออยู่พักหนึ่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราสมควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องบัญชี อย่างน้อยก็รายรับรายจ่าย ว่าแต่ละเดือน ทำไมหนอเราถึงมีเงินไม่พอใช้ เราหมดเงินส่วนใหญ่ไปกับอะไร เพื่อวางแผนอนาคตของตนเอง

 

การเจรจาต่อรอง



Gettyimages

เป็นไปไม่ได้เลยที่ชีวิตนี้เราจะไม่เจอกับสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งกัน ดังนั้นการเจรจาต่อรองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับชีวิตของเรา เพื่อนำไปสู่ข้อตกลงอย่างสันติ ทำให้เกิดความพึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย สร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้ที่ขัดแย้งด้วย

 

การออม การลงทุน



Gettyimages

จริงๆแล้ว การออมก็มีอยู่ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ในความเป็นจริงแล้วการเรียนการสอนด้านการออมนั้นมันไม่ได้มีแค่การเอาเงินไปฝากคุณครูแล้วครูก็เอาไปฝากธนาคารออมสินให้เด็กๆ การปลูกฝังการออมและการลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย สามารถทำให้อนาคตเปลี่ยนได้อย่างมหาศาล แค่การออมเพียงเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้นของชีวิต สามารถทำให้สุขสบายได้ยามเกษียณ ด้วยอัตราดอกเบี้ยทบต้นที่ไอน์สไตน์ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก ที่จะทำให้เงินออมเติบโต ออกผลอย่างมากมาย ดั่งคำติดหูที่ว่า “ออมก่อน รวยกว่า”

 

หลักแห่งความสำเร็จ



Gettyimages

ทุกคนล้วนแต่อยากประสบความสำเร็จ เหตุไฉนเล่า เราถึงไม่เคยได้รับรู้ว่าศาสตร์แห่งความสำเร็จมีอะไรบ้าง ต้องทำตัวอย่างไร ทำชีวิตอย่างไร สิ่งไหน ถึงจะทำให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จดั่งใจหวัง หากเราทุกคนได้รับรู้ว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จใช้หลักไหนในการดำเนินชีวิต ทำอย่างไรถึงก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ มันจะไม่ดีกว่าหรือ ไม่จะไม่ช่วยย่นระยะเวลาเราได้หรือ มันจะดีสักแค่ไหน หากเรารู้สูตรแห่งความสำเร็จของผู้คนที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราก้าวไปสู่จุดหมายที่เราไฝ่ฝัน

 

การตลาดเบื้องต้น



Gettyimages

ใครว่าการตลาดไม่สำคัญ ถึงแม้คุณจะมีไอเดีย/สินค้า/บริการ ดีเลิศสักแค่ไหน แต่หากป่าวประกาศออกไปให้โลกรู้ไม่ได้ โน้มน้าวให้ผู้อื่นคล้อยตามไม่ได้แล้ว สิ่งที่คุณมีมันก็อาจกลับกลายเป็นสิ่งที่ดูไร้ค่า ไร้ความหมายได้ เป็นเหตุให้การตลาดควรที่จะเป็นทักษะหนึ่งที่โรงเรียนควรสอน

 

การพัฒนาความจำ



Gettyimages

น่าแปลกไหมที่การศึกษาของเราเน้นสอนให้จำสิ่งต่างๆมากมาย แต่ไม่เคยสอนวิธีการจำ การพัฒนาความจำ การบริหารสมอง พอความจำไม่ดีก็ส่งผลให้ทั้งการเรียน และการทำงานในอนาคตย่ำแย่ลง หากในห้องเรียนของเรามีการสอนวิธีพัฒนาความจำที่ถูกต้อง ย่อมนำไปสู่การเรียนการสอนที่ดีขึ้น พัฒนาศักยภาพของทั้งผู้เรียน ผู้สอน และอนาคตของชาติ

 

กฏหมายเบื้องต้น



Gettyimages

มีคำกล่าวที่ว่า “ผู้ไม่รู้ ย่อมไม่ผิด” คำกล่าวนั้นเป็นจริง แต่ไม่ทั้งหมด เมื่อเรามาเจอกับข้อกฏหมาย ซึ่งเราทุกคนต้องรู้ถึงกฏ ข้อบังคับ ในการอยู่ร่วมสังคมกับผู้อื่น เพื่อรักษาความสงบของบ้านเมือง เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของทั้งตนเองและคนในสังคม ดังนั้น กฏหมายเบื้องต้น จึงนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากในการดำรงชีวิต เพราะหากทำผิดแล้วจะมาอ้างว่าไม่รู้ ย่อมเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

 

คุณธรรม จริยธรรม



Gettyimages

แม้จะมีการเรียนการสอนด้านนี้อยู่แล้ว แต่ผมเองกลับมีความเห็นว่า มันเป็นเหมือนการเรียนที่ท่องจำ เอาไปสอบ แล้วก็จบกัน ไม่ใช่การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมอย่างแท้จริงและยั่งยืน ดังที่จะเห็นจากปัญหาใหญ่ๆทั้งหลายไม่ว่าจะระดับชาติ หรือแม้แต่ระดับย่อยที่สุดของสังคมหรือก็คือครอบครัว หากพิจารณากันอย่างถ้วนถี่แล้ว ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งก็มาจากคุณธรรม จริยธรรมของคนในสังคมลดน้อยถอยลง การปลูกฝังความรู้สึกผิดชอบชั่วดี การให้ความสำคัญกับความดี ความเสียสละ ความมีน้ำใจ กับเด็กๆน่าจะเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง รวมทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในสังคม หันมามุ่งเน้นสิ่งเหล่านี้ น่าจะทำให้สังคมเราน่าอยู่ขึ้นอีกมาก เราจะได้ไม่ต้องมาคอยหวาดระแวงชีวิตและทรัพย์สินจากคนแปลกหน้า ทนเพิกเฉยต่อความอยุติธรรมในสังคมจนกระทั่งบางคนเลิกที่จะเป็นคนดี เพราะคนดีกลายเป็นเหยื่อ ถูกบีบบังคับจากสถานการณ์ต่างๆในสังคมดังเช่นทุกวันนี้

 

สรุป

ถึงอย่างไรเด็กๆก็ต้องเรียนกันนับสิบๆปี เพื่อที่จะออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่โหดร้าย ที่เรียนว่าชีวิตของคนทำงาน ทำไมเราไม่สอน ไม่เน้นย้ำถึงทักษะสำคัญเหล่านี้ให้กับพวกเขา ทำไมเราต้องมาเรียนรู้ทักษะบางอย่างตอนที่เราได้ทำงาน ตอนที่เราเจอกับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยเล่า แต่หากโรงเรียนไม่ได้สอนสิ่งเหล่านี้ เราก็สามารถขวยขวายหาความรู้ได้เอง ไม่ว่าจะจากการอ่าน การฟัง เข้าสัมมนา หรือแม้แต่การเปิดยูทูปดู/ค้นหาจากอินเทอร์เน็ตก็ยังได้

 

มีทักษะไหนบ้างที่คุณคิดว่าอยากให้นักเรียน นักศึกษา ได้เรียนกัน หรือมีความคิดเห็นเป็นเช่นไร ก็อย่าลืมคอมเม้นท์กันด้านล่างนะครับ

 

feature images from: Gettyimages

ซ่อมคอมพ์เบื้องต้น

วันหนึ่งคอมพิวเตอร์แสนรักก็ดันงอแง จะยกไปหาช่างก็ลำบากเหลือเกิน

จริงๆแล้ว ทุกคนสามารถซ่อมคอมพ์ตัวโปรดของเราได้ง่ายๆ เพียงแค่สังเกตุอาการสักหน่อย แล้วนำเอาอาการเหล่านั้นมาค้นหาคำตอบในอินเทอร์เน็ต บางครั้งมันง่ายจนกระทั่งเราเสียดายค่าเสียเวลา ค่าซ่อม

แต่หากเราซ่อมเบื้องต้นแล้วมันยังเสียไม่หาย ก็คงต้องถึงเวลาส่งซ่อมกับช่างผู้ชำนาญงานนะครับ (หากยังมีประกันแนะนำให้ส่งช่างจะดีที่สุดครับ หากท่านซ่อมเองอาจทำให้ประกันของท่านหมดอายุลงทันที)



เนื้อหาโดยส่วนใหญ่ของบทความนี้จะเน้นไปยังการซ่อมคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ(PC)นะครับ สำหรับโน๊ตบุ๊คนั้นหากเสียทางด้านฮาร์ดแวร์แนะนำให้ส่งช่างจะดีที่สุดครับ

โดยปกติแล้ว คอมพิวเตอร์มักจะมีอาการเสียอยู่ไม่กี่อย่าง แบ่งโดยรวมแล้วก็คือ เสียทางซอฟต์แวร์ และ เสียทางฮาร์ดแวร์ ซึ่งเราสามารถเช็คได้คร่าวๆดังนี้

อาการเสียเป็นอย่างไร?

ด้านฮาร์ดแวร์

• มีเสียงแปลกๆตอนเปิดเครื่องไหม?


• ภาพเป็นอย่างไร? : ปกติ, สีเพี้ยน, จอฟ้า, จอมืดไม่มี/มีตัวหนังสือขึ้น, จอบอกให้กดปุ่มอะไรหรือไม่, ภาพล้ม มีเส้น


• การบู๊ตเครื่อง : บู๊ตไม่ขึ้นติดที่ bios (หน้าจอตอนเปิดเครื่องก่อนเข้าสู่ระบบ windows)


• ระบบไฟ : พัดลมตัวเครื่องหมุนหรือไม่?, ไฟแสดงสถานะต่างๆ ปกติดีหรือไม่?, มีกลิ่นเหม็นไหม้ออกมาจากเครื่องหรือไม่?, ทำงานอยู่ดีๆเครื่องดับไปเอง?, เครื่องร้อนกว่าปกติไหม?


• ฝุ่น : ทำความสะอาดภายในตัวเครื่องครั้งสุดท้ายเมื่อไร?, คอมพ์ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นเยอะหรือไม่?

ด้านซอฟต์แวร์

• การบู๊ตเครื่อง :  บู๊ตแล้วไม่เข้าวินโดวส์มีกรอบข้อความขึ้น/มีเมนูให้เลือกหรือไม่?, บู๊ตวนไปวนมา


• ไวรัส: คอมพ์มีตัวฆ่าไวรัสที่ดีหรือไม่?, อัพเดทตัวฆ่าไวรัสล่าสุดเมือ่ไร?, มีการโหลดโปรแกรมเถื่อนมาใช้ในเครื่อง(crack, warez)หรือไม่, มีกรอบข้อความบ่งบอกว่าเครื่องติดไวรัสหรือไม่?


• ความเร็ว : เครื่องช้ากว่าปกติมากหรือไม่? ใช้เครื่องไปแล้วมีอาการแฮงค์ (คอมค้าง) หรือไม่?

นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆที่ไม่แน่ชัดว่าจะเกิดจากฮาร์ดแวร์ หรือเกิดจากซอฟต์แวร์กันแน่ เช่น

• จอฟ้า (BSOD) ก็มีหลากหลายแบบ


• เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้


• เล่นเกมส์บางเกมส์ไม่ได้ เล่นเกมส์แล้วกระตุก

เมื่อเราตรวจเช็คอาการเบื้องต้นแล้วเราก็สามารถนำข้อมูลที่เราได้ ไปค้นยังอินเทอร์เน็ต ซึ่งน่าจะครอบครุมเนื้อหาส่วนใหญ่แล้ว แล้วแก้ปัญหาดังแผนผังด้านล่าง

ภาพจากหนังสือ ซ่อมคอมอย่างเซียนพันธ์ทิพย์

แต่ก่อนจะลงมือทำอะไรนั้น ควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนนะครับ

หากเครื่องของท่านเสียทางด้านฮาร์ดแวร์ ท่านต้องมีอุปกรณ์ในการซ่อมเบื้องต้นดังนี้

1. ไขควง ไว้สำหรับขันสกรูด้านหลังเครื่อง


2. ยางลบ ไว้สำหรับขัดผิวสัมผัสของแรม หรือการ์ดจอ


3. แปรงสีฟันเก่า พู่กันเก่า ผ้าขี้ริ้ว ไว้สำหรับปัด ขัด เช็ด ฝุ่นออกจากตัวเครื่อง


4. อุปกรณ์เฉพาะอย่างอื่น เช่น RAM / VGA card แบบเดียวกันหรือที่เข้ากันได้กับเครื่อง , ตัวจ่ายไฟ (PowerSupply) ไว้สำหรับลองเปลี่ยนดูว่าอุปกรณ์นั้นๆของเราเสียหรือไม่


5. อย่างอื่นที่เกี่ยวข้องขึ้นกับอาการเสีย เช่น ถ่าน Bios, ดินสอ เอาไว้เช็คว่าปุ่มเปิดปิดเครื่องเสียหรือไม่


6. CD ช่าง สำหรับทำงานตรวจสอบ/แก้ไขระบบ เช่น Hiren’s BootCD

ข้อควรระวัง : ก่อนทำการซ่อมโปรดถอดปลัํกไฟทุกครั้งเพื่อป้องกันการโดนไฟดูด!!!



หากเครื่องของท่านเสียทางซอฟต์แวร์ ท่านต้องมีอุปกรณ์ในการซ่อมเบื้องต้นดังนี้

1. โปรแกรมสำหรับการทำข้อมูลสำรอง เผื่อทำไปแล้วมีอะไรเสียหาย ท่านจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง เช่น Norton Ghost, Acronis TrueImage


2. CD ช่าง พวก Hiren’s BootCD หรือ Windows Recovery CD เพื่อแก้ไขระบบ


3. CD ฆ่าไวรัส หากท่านติดไวรัส หรือ Flashdrive ที่สามารถล็อคการเขียนได้


4. ทำความเข้าใจกับขั้นตอนในการจัดการกับปัญหามาก่อน


5. แผ่น Windows ในกรณีที่ต้องลง Windows ใหม่ พร้อมทั้งหมายเลยผลิตภัณฑ์ (CD-Key)

ทั้งนี้ผมได้รวบรวม การวิเคราะห์อาการเสียเบื้องต้นเพื่อให้ง่ายต่อการสืบค้น

ด้านฮาร์ดแวร์

• สอนประกอบคอมพิวเตอร์ http://www.youtube.com/watch?v=jQLi3UXYbKo


• มีเสียงเตือนตอนเปิดเครื่อง (เสียง Beep Code จาก Bios) dekitclub.com


• จอเพี้ยน เนื่องจากการตั้ง refresh rate ผิด bcoms.net


• จอมืด ไม่มีตัวหนังสือ ให้ลองเช็คสายไฟ สายจอ ดูว่าไฟเข้าจอหรือไม่ ขึ้น no signal ไหม ลองเอาจอไปต่อคอมพ์เครื่องอื่นดีหรือไม่ หากลองทุกอย่างแล้วยังแก้ไม่ได้ถือว่าจอเสีย


• จอมีข้อความก่อนบู๊ตเข้า windows ให้แก้ไขตามอาการ เช่น CMOS checksum Error ให้เช็ค CMOS อาจต้องทำการแฟรชใหม่, CMOS Battery state low ให้เปลี่ยนถ่านbios ในเครื่อง


• หากเปิดเครื่องแล้วพัดลมไม่หมุน มีกลิ่นเหม็นไหม้ ให้ลองเปลี่ยน PowerSupply (หม้อแปลงไฟฟ้า) แล้วดูอาการ


• จอขึ้น no boot device ให้เช็คสายไฟ สายแพ ที่ต่อกับ Harddisk


• จอฟ้า มี error code ขึ้นเช่น 0x000000A (ใน windows xp) bcoms.net และ bcoms.net


• กดปุ่มเปิดเครื่องแล้วไฟไม่เข้า ให้ลองเปลี่ยน PowerSupply หากยังไม่ติด ให้ลองดึงสายไฟของสวิทต์เปิดปิดเครื่องออก(จำด้วยว่าดึงจากตรงไหน) แล้วใช้ปลายดินสอจิ้มระหว่างสองขั้วว่าเครื่องติดหรือไม่


• บางครั้งฝุ่นที่อยู่ภายในตัวเครื่องก็เป็นตัวทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องลดลง ดังนั้นควรที่จะปัดฝุ่นออกอย่างสม่ำเสมอ http://www.youtube.com/watch?v=Yv5JhEHjYO0 (พัดลม CPU หากไม่มั่นใจไม่ต้องถอดแบบในคลิปนะครับ)


• การเพิ่ม harddisk , ความรู้เรื่อง harddisk, ssd http://www.youtube.com/watch?v=zAPRCjb9H6M


• การเปลี่ยนแรม, ความรู้เรื่องแรม http://www.youtube.com/watch?v=rt7XMYkI51E


• การเปลี่ยน Power Supply (หม้อแปลงไฟ) http://www.youtube.com/watch?v=t2WP4sZs04E (ไทย) http://www.youtube.com/watch?v=_YGSGOI_HuM (ฝรั่ง)


• การจัดสายไฟคอมพิวเตอร์ http://www.youtube.com/watch?v=BBOM8OTlSSc


• อยู่ๆ คอมพ์ดับเอง ให้ลองดูอุณหภูมิจาก bios, หรือจากโปรแกรม hardware monitor หากอุณหภูมิสูงเกินควรส่งช่าง


• CD/DVD Drive ถาดไม่เปิด ให้ใช้ลวดยาวๆ เสียบเข้าไปยังรูเล็กๆด้านหน้า จะสามารถเปิดถาดออกมาได้

ด้านซอฟต์แวร์

• จริงๆแล้วแทบทุกอาการเสียทางด้านซอฟต์แวร์ สามารถแก้ได้โดยการ ฟอร์แมตเครื่อง ลงวินโดวส์ใหม่ เพราะหลายครั้ง เราแก้ปัญหาต่างๆเหล่านั้นแล้ว ปัญหานั้นๆอาจกลับมา หรือไม่ก็มีปัญหาจุกจิกจากปัญหาก่อนหน้า อีกทั้งยิ่งเราใช้เครื่องนานวัน ระบบก็จะยิ่งรวน อืด จากไฟล์ขยะ จากระบบรีจิสตรี หรือจากการใช้งานอื่นๆของผู้ใช้เครื่องเอง


• การลง windows 7 http://www.youtube.com/watch?v=jWXlT10jZ6Y


• ไวรัสมีหลากหลายสายพันธุ์ วิธีการที่ดีที่สุดก็คือ ลงโปรแกรมฆ่าไวรัสที่ดี และอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ


• แก้ไวรัสซ่อนโฟลเดอร์ (windows xp) http://www.youtube.com/watch?v=Ck-JcAaFdgQ


• แก้ปัญหาคอมเปิดช้า โดยพี่หลาม http://www.youtube.com/watch?v=7Hl75j0jdIo


• ACG - สอนการแก้ไวรัสจอขาว http://www.youtube.com/watch?v=jac5SgTnhxc


• แก้ปัญหาเข้า facebook ไม่ได้ โดย พี่หลาม http://www.youtube.com/watch?v=vVacMp0m_Nk


• แก้ปัญหาดูวีดีโอ /เล่นเกมไม่ได้ โดยพี่หลาม http://www.youtube.com/watch?v=xR_U-_5Xfm8


• ใช้แผ่น Windows PE, Hiren’s BootCD จัดเก็บไฟล์งานไปยังไดร์ฟอื่นที่ไม่ใช่ ไดร์ฟ C (OS Drive) หรือจัดเก็บไปยัง External HDD, Flashdrive, DVD ก็จะยิ่งดี


• ใช้โปรแกรมสำรองข้อมูลในขณะที่เครื่องของเรายังใช้งานได้ดีไว้บ้าง ยามฉุกเฉิน ระบบปฏิบัติการล่ม(OS) เข้าไม่ได้ มีอาการต่างๆ เราสามารถเอาชุดสำรองกลับมาใส่ ทำงานต่อไม่ต้องง้อช่าง


• ข้อมูลต่างๆในคอมพิวเตอร์ อาจสูญหายได้ตลอดเวลา โปรดทำการสำรองข้อมูลสำคัญไว้หลายๆที่ เช่น บนcloud ไรท์แผ่นเก็บไว้

ปัญหาอื่นที่บางครั้งต้องดูทั้งสองด้านว่าเสียที่ตรงไหน

• จอฟ้า (bsod) unmountable_boot_volume ส่วนใหญ่เกิดจาก Bad Sector บน HDD ต้องทำใช้โปรแกรม HDD regenerator แก้ (แต่บางครั้งก็แก้ไม่ได้)


• เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ : ต้องลองตรวจดูว่าสายดีไหม?, การเสียบสายถูกต้องหรือไม่?, เร้าเตอร์ตั้งค่าถูกต้องหรือไม่?, สัญญาณอินเทอร์เน็ตล่มหรือไม่?, ไดรเวอร์ Lan ติดตั้งไว้หรือยัง?, มีการตัั้งค่า Proxy ไหม?, มีการ disable อุปกรณ์เชื่อมต่อหรือไม่?


• เล่นเกมส์ไม่ได้ เกมส์กระตุก: การ์ดจอสนับสนุนเกมส์นั้นๆหรือไม่? สเปคเครื่องโดยรวมสามารถเล่นเกมส์นั้นๆได้หรือเปล่า?, ติดตั้งไดรเวอร์การ์ดจออย่างถูกต้องหรือไม่?, เกมส์ออนไลน์ หากอินเทอร์เน็ตไม่เสถียรก็อาจทำให้กระตุกได้

ปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นั้นจริงๆแล้วมีมากมายนัก บทความนี้บทความเดียวคงไม่สามารถรวบรวมให้ท่านได้ทั้งหมด แต่หากท่านค้นหาคำตอบแล้ว ผมเชื่อแน่ว่ายังมีคนที่มีปัญหาเดียวกันกับท่านอยู่บนโลกใบนี้ และต้องการค้นหาทางแก้เช่นเดียวกัน ท่านเพียงแค่ค้นหาข้อมูลนั้นจากอินเทอร์เน็ต แล้วลองทำตามแนวทางที่เขาทำสำเร็จมาแล้ว ผมเชื่อแน่ว่า ไม่ว่าใครก็สามารถซ่อมคอมพ์ได้



อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าไม่เชื่อฝีมือตนเอง กลัวจะทำเครื่องพัง หรือขี้เกียจเสียเวลาซ่อมเอง ยกไปให้ช่างซ่อมเถอะครับคุ้มสุดแล้ว

Dark Avenger

เข้าไปในคุกใต้ดินและต่อสู้ตามวิถีของตัวเองเพื่อมุ่งสู่ความเป็นอมตะ! และแล้วการคืบคลานของคุกใต้ดินที่ได้รับการคาดหวังไว้อย่างสูง ได้เดินทางมาถึงโทรศัพท์มือถือของคุณแล้ว!

ปีศาจได้ถูกปลุกขึ้นมาจากการหลับไหลอันยาวนาน บรรดาเหล่าฮีโร่ของเราจะต้องร่วมลุกขึ้นมาต่อสู้ และส่งกองกำลังแห่งความมืดกลับคืนไปที่ก้นบึ้งแห่งนรก โดยคุณสามารถเลือกฮีโร่ได้ 3 ประเภท ได้แก่ อัศวินเทมพลาร์, นักยิงธนู หรือผู้วิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การเล่นเกม ซึ่งจะมาพร้อมกับการควบคุมตามสัญชาติญาณที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น อย่างที่คุณไม่เคยพบมาก่อนเลยทีเดียว! มาสำรวจคุกใต้ดินที่เสมือนก้นบึ้งแห่งนรก และสะสมขุมทรัพย์แห่งตำนานอันทรงพลังตามเส้นทางที่คุณจะพิศวงไปกับโลกแห่งปีศาจร้าย จงเข้าร่วมกับหอคอยนิรันดร และทำให้อันดับของคุณมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการผู้ที่ทรงพลังที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ยังพรั่งพร้อมด้วย PvP แบบเรียลไทม์ คุณสามารถต่อสู้กับเพื่อน ๆ และเหล่าศัตรูทั่วโลก!

Iron Man 3 - The Official Game

จากหนังดังที่ทุกคนชื่นชอบ คราวนี้เราจะมารับบทเป็นโทนี่ สตาร์ค มหาเศรษฐีผู้ที่ได้ชื่อว่าเขาคือไอร่อนแมน มนุษย์เกราะเหล็กที่ทุกคนชื่นชอบ เกมส์นี้เล่นฟรี โหลดฟรี แต่ใช้พื้นที่เยอะสักหน่อยกว่า 700+ Mb เครื่องอาจจะต้องแรงหน่อยถึงจะเล่นได้อย่างสนุกสนาน

✔ต่อสู้กับเหล่าร้ายจาก A.I.M. จากทั่วมุมโลก
✔มี 3 ฉากให้เลือก: ชายฝั่งมาลีบูล เมืองนิวยอร์ค และจีน
✔สู้กับเหล่าร้ายตัวพ่อ ไม่ว่าจะเป็น Crimson Dynamo, Ezekiel Stane, Living Laser และ the mighty M.O.D.O.K.

สวมบทบาทเป็นไอร่อนแมนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
✔ทำภารกิจ ผ่านการต่อสู่ทางอากาศอันน่าตื่นเต้น
✔ปลดปล่อยพลังซูเปอร์เพาเวอร์ของไอร่อนแมน ผ่านการควบคุมที่ลื่นไหล
✔เพลิดเพลินไปกับโลกของเอนิเมชั่นสามมิติแบบสมจริง

ควบคุมสตาร์คอินดัททรี
✔วิจัยและพัฒนาชุดเกราะรบกว่า 18 แบบ (MARK II, MARK 42, Silver Centurion, etc.)
✔อัพเกรดชุดเกราะให้แข็งแกร่งน่าเกรงขาม เพื่อเข้าห้ำหั่นศัตรูให้สิ้นซาก